ประวัติสนามจันทร์(งามล้น)
พระราชวังสนามจันทร์ ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ห่างจากองค์พระปฐมเจดีย์ประมาณ 2 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 888 ไร่ 3 งาน 4 ตารางวา สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากพระองค์สวรรคต พระราชวังสนามจันทร์ใช้เป็นที่ทำการของส่วนราชการต่าง ๆ ของจังหวัดนครปฐม รวมทั้ง เป็นวิทยาเขตหนึ่งของมหาวิทยาลัยศิลปากร ปัจจุบัน พระราชวังสนามจันทร์อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักพระราชวัง
พระราชวังสนามจันทร์เป็นพระราชวังที่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นบนบริเวณที่คาดว่าเป็นพระราชวังเก่าของกษัตริย์สมัยโบราณที่ เรียกว่า เนินปราสาท เพื่อเป็นสถานที่ประทับครั้งมานมัสการองค์พระปฐมเจดีย์และเมื่อบ้านเมืองถึงยามวิกฤต
พระราชวังใช้เวลาก่อสร้างนาน 4 ปี โดยมี หลวงพิทักษ์มานพ (น้อย ศิลป์) ซึ่งต่อมาได้รับโปรดเกล้าฯเลื่อนยศเป็นพระยาวิศุกรรม ศิลปประสิทธิ์ เป็นแม่งาน และสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2450 เมื่อสร้างแล้วเสร็จจึงได้พระราชทานนามว่า "พระราชวังสนามจันทร์" ตามชื่อสระน้ำโบราณหน้าโบสถ์พราหมณ์ (ปัจจุบันไม่มีโบสถ์พราหมณ์เหลืออยู่แล้ว) สระน้ำจันทร์ หรือ สระบัว
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชพินัยกรรมแสดงพระราช ประสงค์ยกพระราชวังสนามจันทร์ให้เป็นสถานที่ตั้งของโรงเรียนนายร้อยทหารบก โดยมีใจความว่า
" บรรดาที่ดินตึกรามทั้งใหญ่ น้อย ที่รวมอยู่ในเขตซึ่งเรียกว่า "พระราชวังสนามจันทร์" เป็นสมบัติส่วนตัวของข้าพเจ้าโดยแท้ไม่ได้รับมฤดกมาจากสมเด็จพระบรมชนกนารถ มิได้ ข้าพเจ้าได้เก็บทุนในตำแหน่งหน้าที่พระยุพราชและ ทุนอื่น ๆ สร้างที่สนามจันทร์ และสร้างพระที่นั่งซึ่งเรียกว่า พระพิมานประฐม นั้นขึ้นก่อน ต่อมาเมื่อข้าพเจ้าได้ราชสมบัติแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้เอาเงินพระคลังข้างที่ทำนุ บำรุงที่นี้ตลอดมาเป็นส่วนตัวทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นจะเอาที่พระราชวังสนามจันทร์ไปรวมเข้ากับกองมฤดกใหญ่นั้นหาควร ไม่ ข้าพเจ้ามีสิทธิ์ตามกฎหมายเหมือนสามัญชน ที่จะยกที่นี้ให้แก่ผู้ใดก็ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อสิ้นตัวข้าพเจ้าไปแล้ว ข้าพเจ้าขอยกที่นี้ให้แก่รัฐบาลสยามเป็นสิทธิขาด เพื่อทำเป็นโรงเรียนนายร้อยทหารบก"
ในปัจจุบัน พระราชวังสนามจันทร์อยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวัง โดยเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2546 คณะกรรมการอำนวยการบูรณะพระราชวังสนามจันทร์ ซึ่งมีสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นองค์ประธาน ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย นายนาวิน ขันธหิรัญ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ลิขิต กาญจนาภรณ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ได้น้อมเกล้าฯ ถวายคืนพระราชวังสนามจันทร์แก่สำนักพระราชวัง
พระราชวังสนามจันทร์ นอกจากเป็นที่แปรพระราชฐานแล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังมีพระราชดำริในการสร้างพระราชวังสนามจันทร์ไว้เป็นที่มั่น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรับวิกฤตการณ์ของประเทศอันเกิดขึ้นได้ เพราะพระราชวังสนามจันทร์ตั้งอยู่ในชัยภูมิทีเหมาะสม และทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับซ้อมรบเสือป่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2546 คณะ กรรมการอำนวยการบูรณะพระราชวังสนามจันทร์ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นองค์ประธาน ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย นายนาวิน ขันธหิรัญ ผู้ว่าราชการ
นครปฐม และมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ลิขิต กาญจนาภรณ์ รองอธิการบดีวิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ ได้น้อมเกล้าฯ ถวายคืนพระราชวังสนามจันทร์ โดยส่งมอบพระที่นั่ง พระตำหนักต่างๆ และเรือนข้าราชบริพาร คืนให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ดูแลตามพระราชดำริในสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
ข้อมูลสถานที่สำคัญในเขตพระราชวังสนามจันทร์
พระที่นั่งพิมานปฐม
พระที่นั่งพิมานปฐม เป็นพระที่นั่งองค์แรกในบริเวณของพระราชวังสนามจันทร์ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้นแบบตะวันตก แต่ดัดแปลงเพื่อให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศเมืองร้อน สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2450 พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นที่ประทับ ที่ทรงพระอักษร ที่เสด็จออกขุนนาง ที่รับรองพระราชอาคันตุกะ และที่ออกให้ราษฎรเข้าเฝ้าฯ โดยเฉพาะก่อนเสด็จฯ ขึ้นเถลิงถวัลย์ราชย์สมบัติ จนถึงปี พ.ศ. 2458 มากกว่าพระที่นั่ง และพระตำหนักองค์อื่น ๆ
พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี
หนึ่งใน 2 พระที่นั่งที่สร้างขึ้นเมื่อแรกสร้างพระราชวัง ลักษณะเป็นตึก 2 ชั้น เช่นเดียวกับพระที่นั่งพิมานปฐม โดยตั้งอยู่ติดกับพระที่นั่งพิมานปฐมด้านทิศใต้
พระที่นั่งวัชรีรมยา
ลักษณะเป็นตึก 2 ชั้น สร้างแบบสถาปัตยกรรมไทยที่งดงามมาก คือ ลักษณะหลังคาเป็นแบบซ้อนลดหลั่นกันลงมาคล้ายยอดปราสาท มุงด้วยกระเบื้องเครือบสี มีคันทวย ช่อฟ้า ใบระกา นาคสะดุ้ง หางหงษ์ครบถ้วน
บริเวณชั้น 2 มีชานชลาเชื่อมต่อไปยังพรัที่นั่งอภิรมย์ฤดี และพระที่นั่งปฐม พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นที่ประทับหลังเสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว
พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์
ลักษณะเป็นท้อง พระโรงทรงไทยใหญ่กว้างขวางมีชั้นเดียวยกสูงจากพื้นดินประมาณ 1 เมตร มีอัฒจันทร์ลง 2 ข้าง อยู่ติดกับพระที่นั่งวัชรีรมยาทางทิศเหนือ เดิมใช้เป็นท้องพระโรงเวลาเสด็จออกขุนนางรวมทั้งเป็นที่ประชุมข้าราชการและ ทหารเสือป่า ตลอดเป็นโรงละครสำหรับแสดงโขน
ตั้งอยู่ทางทิศ ตะวันออกเฉียงใต้ของพระที่นั่งวัชรีรมยา ลักษณเป็นตึก 2 ชั้น สถาปัตยกรรมตะวันตก ผนังด้านนอกฉาบด้วยสีเหลืองนวลหรือสีเปลือกไข่ไก่ หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีแดงใช้สำหรับงานเกี่ยวกับเสือป่า หรือเวลาที่เสือป่าเข้าประจำกอง
พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์
เป็นเรือนไม้สีแดง 2 ชั้น อยู่ด้านหลังพระที่นั่งชาลีมงคลอาสน์ บริเวณชั้น 2 มีสะพานเชื่อมต่อถึงบ้าน ด้านใต้สะพานระหว่างสองพระที่นั่งเป็นคลอง ตลอดสะพานมีหลังคาและฝากั้น พระที่นั่งองค์นี้ใช้สำหรับเสด็จออกให้ประชาชนเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระ มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระตำหนักทับแก้ว
ลักษณะเป็นตึกเล็ก หรือบ้านแบบตะวันตกภายในมีเตา หลังคาบริเวณเตาผิงมีปล่องไฟใช้เป็นที่ประทับในฤดูหนาวและใช้เป็นที่ตั้งกอง บัญชาการเสือป่า กองเสนาน้อยราบเบารักษาพระองค์เดิมเรียกว่า เรือนทับแก้ว ปัจจุบันใช้เป็นบ้านพักปลัดจังหวัดนครปฐม
พระตำหนักทับขวัญ
เรียกกันทั่วไปว่าเรือนทับขวัญ ลักษณะเป็นเรือนไทยหมู่ที่สมบูรณ์มาก ฝีมือการสร้างเรียกได้ว่าชั้นครู ปัจจุบันใช้ประกอบการศึกษาเรื่องเรือนไทยได้เป็นอย่างดี
พระตำหนักทับขวัญ ประกอบด้วยเรือนไทยไม้สัก ทั้งหมด 8 หลัง แบ่งเป็นเรือนไทยขนาดใหญ่ 4 หลัง หันหน้สเข้ากันตามทิศต่างๆ บริเวณมุมทั้ง 4 มีเรือนไทยเล็กเชื่อมอยู่ทั้ง 4 มุม ตรงกลางใช้เป็นระเบียงทรงใช้เป็นที่ประทับบำเพ็ญพระราชกุศล บางครั้งใช้เป็นที่แสดงละครไทยแบบโบราณรวมถึงการใช้เป็นที่ตั้งกองบัญชาการ เสือป่า กองเสนาน้อยราบหนักรักษาพระองค์ปัจจุบันเป็นสถานที่สำหรับศึกษาค้นคว้าศิลป วัฒนธรรมไทย
เทวาลัยคเณศ หรือศาลพระพิฆเนศวร สร้างเป็น ที่สถิตของพระพิฆเนศวร ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งศิลปะ ตั้งอยู่กลางสนามหน้าพระที่นั่งต่างๆถือเป็นศูนย์กลางของพระราชวังสนาม จันทร์ ปัจจุบันเป็นที่เคารพของประชาชนในละแวกนั้น ส่วนบริเวณโดยรอบซึ่งเป็นสนามหญ้า ประชาชนได้เข้ามาใช้เป็นสถานที่พักผ่อนและออกกำลังกายทุกวัน
เทวาลัยคเณศ หรือศาลพระพิฆเนศวร สร้างเป็น ที่สถิตของพระพิฆเนศวร ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งศิลปะ ตั้งอยู่กลางสนามหน้าพระที่นั่งต่างๆถือเป็นศูนย์กลางของพระราชวังสนาม จันทร์ ปัจจุบันเป็นที่เคารพของประชาชนในละแวกนั้น ส่วนบริเวณโดยรอบซึ่งเป็นสนามหญ้า ประชาชนได้เข้ามาใช้เป็นสถานที่พักผ่อนและออกกำลังกายทุกวัน
อนุสาวรีย์ย่าเหล
ตั้งอยู่ด้านหน้าพระที่นั่งชาลีมงคลอาสน์ เป็นอนุสาวรีย์หล่อด้วยโลหะขนาดเท่าสุนัขจริง ถือเป็นอนุสาวรีย์สนุขแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทยในขณะนี้ ย่าเหลเป็นสุนัขพันทางขนยาวปุกปุย สีขาวสลับน้ำตาลเกิดในเรือนจำนครปฐม พระบาทสมเด็พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพบเข้าเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนิน ไปตรวจเรือนจำ พระองค์ทรงพอพระหฤทัยในความเฉลียวฉลาดขนาดมีรับสั่งขอจากรองอำมาตย์เอกพุทธ เกษตรานุรักษ์ (โพธิ์ เคหะนันท์) ครั้งดำรงตำแหน่งพะทำมะรงเรือนจำ มีบรรดาศักดิ์เป็นหลวงชัยอาญา แล้วทรงนำไปเลี้ยงในพระราชสำนัก พระราชทานชื่อให้ว่า ย่าเหล
แหล่งที่มา http://oknation.nationtv.tv/blog/api586/2014/06/07/entry-4
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น